การเรียนการสอนแบบมาทาล (Matal Program Approach)
" การสังเกตด้วยการสัมผัสของจริง
การสอนวิทยาศาสตร์แบบมาทาลเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาโปรแกรมวิทยาศาสตร์ระดับประถมศึกษาเป็นโครงการร่วมระหว่างศูนย์การสอนวิทยาศาสตร์กับกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมของประเทศอิสราเอล ซึ่งดีน่า สตาเคิล ( Dina Satchel ) อาจารย์ของมหาวิทยาลัยเทลอาวิฟเป็นผู้
คิดค้นขึ้น ในปี ค.ศ. 1973
แนวคิดพื้้นฐาน
การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์แบบมาทาล เป็นการสอนที่เน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง มาจากแนวคิดพื้นฐานที่ว่าวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐานของการเรียนรู้โลกรอบตัว การรู้จักสังเกต การคิดอย่างมีเหตุผลจากการสังเกตและสัมผัสธรรมชาติโดยตรง การเรียนรู้โลกรอบตัวและตนเองด้วยการรู้จักรูปสัณฐานของสิ่งต่างๆ จำแนกความแตกต่าง ความเฉพาะ ความสืบเนื่อง การเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างปฏิกิริยาที่เกิดอย่างเต็มที่ สร้างความใคร่รู้และมีเจตคติที่ดีกับวิทยาศาสตร์ เพราะการเรียนโดยมีปฏิสัมพันธ์กับโลกแวดล้อมรอบตัวสร้างความรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ตนต้องรับผิดชอบ
จากแนวคิดดังกล่าวสรุปได้ว่า การจัดการเรียนการสอนของโปรแกรมมาทาล เป็นการสอนที่เน้นเด็กเป็นศูนย์กลาง และมุ่งให้ผู้เรียนได้คิดค้น พบหลักความจริงตามธรรมชาติด้วยตนเอง จากเนื้อหาในแต่ละหน่วยเด็กมีโอกาสพัฒนาความคิดอย่างเต็มที่ สร้างความใคร่รู้และมี เจตคติที่ดีกับวิทยาศาสตร์
การเรียนการสอน
การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์แบบมาทาลเริ่มต้นจากการฝึกเด็กให้รู้จักสังเกตการเปลี่ยนแปลงของวัตถุและสิ่งแวดล้อมรอบตัว เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับธรรมชาติของสิ่งต่างๆและปรากฏการณ์
จากนั้นจึงนำไปสู่การรับรู้สัมผัสของร่างกาย และถ่ายไปสู่การเรียนรู้เพื่อเชื่อมโยงตนเองกับสิ่งต่างๆสร้างความคิดในเรื่องมิติสัมพันธ์เพื่อการเรียนรู้รูปทรงของวัตถุ เส้น และพื้นที่ ด้านรูปพรรณสัณฐานของวัตถุสิ่งของจนถึงความเข้าใจที่จะจัดหมวดหมู่และจำแนกประเภทสิ่งของได้ ในกระบวนการของโปรแกรมมาทาลได้จัดกรอบเนื้อหาโดยจำแนกออกเป็น 4 หน่วยดังนี้
หน่วยที่ 1 การสังเกตโลกรอบตัวเรา
หน่วยที่ 2 การสัมผัสและการรู้
หน่วยที่ 3 รูปทรงและความสัมพันธ์
หน่วยที่ 4 การจัดหมวดหมู่และจำแนกประเภท
แต่ละหน่วยเนื้อหาดังกล่าวจะมีกิจกรรมการเรียนการสอนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะทำให้เด็กสนุกสนานกับการเรียนและเกิดความคิดสร้างสรรค์
หลักการสอน
การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์แบบมาทาลเป็นชุดการสอนสำเร็จรูป แต่ละหน่วยการเรียนจะมีลำดับหัวข้อการเรียนจากง่ายไปยาก มีกิจกรรมและวิธีการสอนประจำหน่วยซึ่งแต่ละหน่วย
หลักการสอนที่สำคัญ คือ ผู้สอนต้องสังเกตตามหน่วยที่กำหนดจากหน่วยที่ 1 ถึง 4 แต่ละหน่วยครูจะต้องเตรียมการสอนและดำเนินกิจกรรมตามหน่วยที่กำหนด อาจมีการปรับอุปกรณ์ได้ตามความ
เหมาะสม ส่วนประกอบของเนื้อหาทั้ง 4 หน่วยมีดังนี้
เหมาะสม ส่วนประกอบของเนื้อหาทั้ง 4 หน่วยมีดังนี้
หน่วยที่ 1 การสังเกตโลกรอบตัวเรา เป็นการศึกษาสิ่งแวดล้อมรอบตัว การสังเกตุสังเกตความแตกต่างของสิ่งรอบตัวเพื่อเรียนรู้ลักษณะของสิ่งที่สังเกต หน่วยนี้ประกอบด้วยหน่วยการเรียนย่อย
6 หน่วย ดังนี้
- การสังเกตสิ่งของในห้องเรียนและในบ้าน
- การสังเกตคุณสมบัติของสิ่งของต่างๆ
- การสังเกตวัตถุดิบ
- การสังเกตและอธิบายวัตถุสิ่งของ
- การสังเกตท้องฟ้าและอากาศ
- การสังเกตพืชและสัตว์
- การสังเกตวัตถุดิบ
- การสังเกตและอธิบายวัตถุสิ่งของ
- การสังเกตท้องฟ้าและอากาศ
- การสังเกตพืชและสัตว์
หน่วยที่ 2 การสัมผัสและการเรียนรู้เป็นการเรียนรู้เพื่อสร้างความเข้าใจในการรับรู้และ
ตอบสนอง ประกอบด้วยหน่วยการเรียนย่อย 7 หน่วย ดังนี้
- ตัวเราและร่างกายของเรา
- การเห็นและการรู้สิ่งที่เราเห็น
- การได้ยินและการรู้สิ่งที่เราได้ยิน
- การได้กลิ่นและการรู้สิ่งที่เราได้กลิ่น
- การรับรสและการรู้วิธีชิมรส
- การรับสัมผัสและการรู้ การรับความรู้สึกของผิวหนัง
- การรับรู้ความรู้สึกสัมผัสและการรู้
หน่วยที่ 3 รูปทรงและความสัมพันธ์ของรูปทรง เป็นการสร้างเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับมิติสัมพันธ์ ประกอบด้วยหน่วยการเรียนย่อย 5 เรื่อง ดังนี้- การเห็นและการรู้สิ่งที่เราเห็น
- การได้ยินและการรู้สิ่งที่เราได้ยิน
- การได้กลิ่นและการรู้สิ่งที่เราได้กลิ่น
- การรับรสและการรู้วิธีชิมรส
- การรับสัมผัสและการรู้ การรับความรู้สึกของผิวหนัง
- การรับรู้ความรู้สึกสัมผัสและการรู้
- รูปทรงของวัตถุ
- รูปทรงยาวรูปทรงแบนราบ
- เส้นและรูปทรง
- รูปทรงตันและวัตถุในที่ว่าง
หน่วยที่ 4 การจัดหมวดหมู่และจำแนกประเภท เป็นการฝึกให้เด็กได้เรียนรู้การจำแนกและการจัดหมวดหมู่สิ่งต่างๆโดยเน้นความสัมพันธ์ของวัตถุจากคุณสมบัติของวัตถุนั้น ประกอบด้วยหน่วยการเรียนย่อย 3 เรื่อง ดังนี้
- ชุดของวัตถุ
- การจำแนกประเภทตามคุณสมบัติข้อเดียว
- การจำแนกประเภทตามคุณสมบัติสองข้อ
การจัดการเรียนการสอนจะเริ่มต้นทีละหน่วยตามลำดับ ซึ่งในการสอนแต่ละหน่วยนั้น
ครูสามารถดำเนินการเรียนการสอนแต่ละขั้นของการสอน ถ้าจะให้ดีครูต้องจัดกลุ่มเด็กให้เป็นกลุ่มเล็กไม่เกิน 6 คน ในบางหัวข้อเรื่องควรให้ออกนอกสถานที่เพื่อเสริมสร้างความเข้มข้นในการเรียนโดยมีลำดับขั้นตอนการเรียนการสอนดังนี้
- การเตรียม
- ดำเนินการ
ครูบอกจุดประสงค์ของการเรียนและเตรียมผู้เรียนเข้าสู่กิจกรรม
ขั้นสอน
ครูดำเนินกิจกรรมตามหน่วยด้วยการ
- กระตุ้นให้สังเกต
- กระตุ้นให้ตอบ
- เปิดโอกาสให้ทดลอง
- ให้เด็กแสดงความคิดเห็น
ขั้นสรุป
ครูสรุปข้อความรู้ที่ได้จากการเรียนประจำหน่วย
ตัวอย่างกิจกรรมการสอนเรื่องสี
(นำมาจากหนังสือแปลโดย ดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา,ธรรมชาติสู่อัจฉริยภาพ, 2539: 56-57 )
จุดประสงค์:
รู้จักและบ่งบอกได้ว่าสีที่เห็นเป็นสีอะไร
อุปกรณ์ :
บัตรกระดาษแข็ง 9 แผ่นขนาด 80 x 80 มม.มีสีแดง ฟ้า เหลือง เขียว ส้ม ม่วงคราม น้ำตาล ขาว และดำ
ขั้นตอน : ให้วางบัตรสีต่างๆ ที่มีทั้งหมดตรงหน้าเด็ก บอกให้เด็กเลือกบัตรคนละใบ แล้วก็บอกชื่อสีให้
ถูกต้อง คำถามที่จะช่วยเด็ก
- ชูบัตรสีเหลืองให้ครูดูซิ
- ชูบัตรสีขาวให้ครูดูซิ
- บัตรของเธอสีอะไร?
- บอกให้เด็กเอาบัตรวางกลับไปที่กองบัตร แล้วพูดว่า " ให้หยิบไปแต่บัตรสีแดง สีแดง
เท่านั้นนะ "
- ให้ถามเด็กที่ไม่มีบัตรอยู่ในมือเลย " ทำไมเธอถึงไม่มีบัตรอยู่ในมือเลย"
- ให้ชี้ไปที่บัตรซึ่งกองอยู่รวมกัน แล้วถามว่า " เธอจะพูดถึงบัตรกองนี้ว่าอย่างไรได้บ้าง? ทำไมมันจึงกองรวมกันอยู่บนโต๊ะอย่างไร?
- จัดวางบัตรเรียงให้เป็นแถวบนโต๊ะ แล้วพูดว่า " ครูกำลังมองไปที่บัตรสีแดง หยิบขึ้นมาให้ครูดูซิว่ามันเป็นใบไหน" และ " ครูกำลังมองบัตรที่ไม่ใช่สีแดง หยิบให้ครูดูซิว่ามันเป็นใบไหน
- "ครูกำลังมองดูบัตรที่อยู่ใกล้บัตรสีแดง ใบที่อยู่ใกล้กันมากๆนะ หยิบให้ครูดูซิว่ามันเป็นใบไหน" ถ้าบัตรสีแดงอยู่ระหว่างบัตรสีสองใบที่อยู่ติดกัน ให้เด็กชี้ไปที่บัตรใดบัตรหนึ่งแต่เพียงใบเดียวให้ยืนยันคำตอบของเด็กว่าถูกหรือผิดและสนับสนุนให้เด็กมองไปทางอื่นๆบ้าง
- "ครูกำลังมองไปที่บัตรใบแรกในแถวชี้หรือชูให้ครูดูซิว่ามันเป็นบัตรใบไหน บัตรนั้นสีอะไร ถ้าเด็กชี้ไปที่ปลายแถวข้างหนึ่งเท่านั้น ก็ให้รับรองคำตอบของเขาแล้วพูดเพิ่มเติมว่า "มีบัตรใบไหนอีกไหมที่จะเป็นใบแรกได้?
- ให้เด็กมองไปทางอื่นบ้าง
การจบกิจกรรม คือ การสรุปให้เด็กรู้ว่ามีสีอะไรบ้าง การเรียนตามกิจกรรมประจำหน่วยนี้ เด็กจะได้คิดตามคำถามที่ครูใช้กระตุ้น เกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ของกิจกรรม
การประเมินผล
การสังเกตจากการร่วมกิจกรรม และ การตอบคำถามที่แสดงว่าเด็กสามารถรับรู้ข้อมูลต่างๆ
เข้าใจความหมายของรูปทรง จัดแยกสิ่งของแต่ละกลุ่มได้ถูกต้อง ทั้งนี้การเรียนรู้แต่ละหน่วยให้ประเมินตามจุดประสงค์การเรียนรู้ประจำหน่วยนั้นๆ
แม้ว่าการจัดการเรียนการสอนแบบมาทาลจะมีอุปกรณ์การเรียนตามหน่วยการเรียนแล้วก็ตาม
มุมวิทยาศาสตร์ยังเป็นวงที่สำคัญสำหรับการสอนแบบมาทาล ในห้องเรียนต้องมีการจัดมุมแสดงวัตถุธรรมชาติที่เด็กสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา วัตถุธรรมชาติ ได้แก่ ต้นไม้ ก้อนหิน เป็นต้น มุมการเรียนรู้ควรมีแสงสว่างมากพอ อากาศถ่ายเทดี มีวัตถุสับเปลี่ยนอยู่เสมอ เพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากรู้อยากเรียน
ครูต้องจัดวางตกแต่งให้สวยงามน่าสนใจ หากเด็กจะนำมาสมทบด้วยก็ได้ ส่วนวัตถุที่เด็กเบื่อควร
คัดออกไม่ต้องนำมาแสดง วัตถุที่แสดงแต่ละชิ้นควรมีป้ายกำกับ หรือมีคําอธิบายเพื่อให้เด็กสามารถเรียนรู้และค้นคว้าด้วยตนเอง
บทบาทครู
บทบาทของครูในการจัดการเรียนการสอนมีดังนี้
1. ครูเป็นผู้วางแผนการสอน ในการจัดการเรียนการสอนแบบมาทาลต้องใช้อุปกรณ์เพื่อการเรียนการสอนตามลำดับขั้นตอน ผู้สอนต้องวางแผนขั้นตอนการสอน พร้อมการจัดเตรียมอุปกรณ์หรือวิธีการสอนที่จำเป็น
2. ครูเป็นผู้นํากิจกรรม การสอนแบบมาทาลเป็นกระบวนการเรียนการสอนที่ต้องมีปฏิบัติ
มีการลงมือกระทำ ( Action Process) ครูต้องเป็นผู้นําให้กิจกรรมดำเนินไปตามจุดประสงค์ของการเรียนการสอน
3. ครูเป็นผู้กระตุ้นการเรียนรู้ ครูต้องรู้จักการใช้คำถามเพื่อให้เด็กสามารถพัฒนาการเรียนรู้อย่างเป็นนักวิทยาศาสตร์ การเรียนรู้ที่ดีอยู่ที่คำถามของครูที่ใช้กระตุ้นเด็ก ประเด็นคำถามจะเป็นดังนี้
คำถามให้สังเกต
- ให้จำแนกสิ่งของที่มีลักษณะเหมือนกัน เช่น แข็งเหมือนกัน นิ่มเหมือนกัน
- เด็กรู้ได้อย่างไรว่ามันเป็น....( สิ่งที่เด็กหยิบ)
- ให้แยกสิ่งที่ไม่ใช่...ออก
- มีอะไรเหมือนกันบ้าง มีอะไรที่ไม่เหมือนกันบ้าง
ถามให้วิเคราะห์
- มีอะไรอยู่ในตะกร้านี้บ้าง
- ทำไมดินสอต้องแข็ง ดินน้ำมันต้องนิ่มง
- ให้ดูสิ่งของในกองแล้วจำแนกกลุ่มสี มีสีอะไรมากที่สุด
- ทำไมเราต้องใช้กระดาษชำระเช็ดหน้า ทำไมไม่ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์
คำถามสังเคราะห์
- เราจะใช้ตะกร้าทำประโยชน์อะไร
- สิ่งที่เด็กมองเห็นเรียกว่าอะไร
- ดอกไม้ใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง
คำถามประเมิน
- จะเกิดอะไรขึ้นถ้าโต๊ะมี 2 ขา
- อะไรแข็งกว่ากัน
- ให้พยายามหาของที่ใช้เป็นที่นั่งได้ในห้องนี้
- ให้ดูผลไม้บนโต๊ะนี้แล้วให้หาว่า มีอะไรที่รสน่าจะเปรี้ยวและสิ่งใดที่มีรสน่าจะหวาน
- จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราเอาน้ำเทใส่น้ำแกงที่อร่อย
- ถ้าถุงเท้าแข็งจะเป็นอย่างไร
การตั้งคำถามมีความหมายกับการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์แบบมาทาลมาก เพราะจะกระตุ้นให้เด็กคิดและสังเกตสิ่งที่กำลังเรียนรู้ การเรียนวิทยาศาสตร์ แท้จริงคือ "การสืบค้นข้อความรู้ด้วยการสังเกตคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมิน เพื่อให้ได้คำตอบอย่างมีเหตุผล "
การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง
เนื่องจากการสอนวิทยาศาสตร์แบบมาทาล เป็นโครงการที่ทดลองสำหรับเด็กประถมศึกษาและเป็นชุดการสอน การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการเรียนของเด็กที่อยู่ในแง่ของการรับทราบผลการ
เรียนรู้ และร่วมติดตามความสนใจของเด็กในการใช้ทักษะพื้นฐานและการเรียนวิทยาศาสตร์ที่บ้านโดยเป็นการทำงานร่วมกันและประสานการเรียนรู้ระหว่างครู ผู้ปกครอง และ เด็ก
การนำไปใช้
การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์แบบมาทาล เป็นการจัดการเรียนการสอนที่เน้นความสามารถทางวิทยาศาสตร์เป็นการเฉพาะ แต่ในการจัดการเรียนการสอนที่แท้จริงได้เน้นการส่งเสริมพัฒนาการร่วมด้วยเช่นกัน อย่างน้อยก็เป็นการจัดการเรียนการสอนที่อยู่ในกรอบของตารางกิจวัตรประจำวัน ที่เด็กสามารถได้เล่นและได้รับประสบการณ์ด้านอื่นด้วย การเรียนการสอนแบบมาทาลเป็นการเรียนเสริมที่การจัดมุมการเรียนรู้ยังคงอยู่ แต่ให้เน้นความเป็นวิทยาศาสตร์หรือเสริมความรู้ทางวิทยาศาสตร์ประกอบกับการเรียนรู้ด้านอื่นๆ ไปพร้อมกัน การนำกิจกรรมการสอนมาใช้กับเด็กปฐมวัย ในบางเรื่อง บางอุปกรณ์ครูอาจจำเป็นต้องปรับให้สอดคล้องกับวัยและพัฒนาการของเด็ก
ดูวิดีโอ ปฐมวัย ธรรมชาติวิถีพุทธ ตอน 4 นวัตกรรมมาทาลโปรแกรม
แหล่งที่มา :
กุลยา ตันติผลาชีวะ.(2551). รูปแบบการเรียนการสอนปฐมวัยศึกษา. กรุงเทพฯ : เบรน-เบส
บุ๊ค จำกัด
อาภาพร พาชีรัตน์. (2558). แนวความคิดเกี่ยวกับโปรแกรมมาทาล. ที่มาของเว็บไซต์ :
http://www.kroobannok.com/blog/article-78047
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น